Voice Actions กับ Siri ใครเก่งกว่ากัน?

ช่วงนี้ Siri บน iPhone 4s โดนท้าชนอยู่บ่อยๆ นะครับ สองวันก่อนเพิ่งจะแนะนำ Evi แอพฯ จากเมืองผู้ดีที่เก่งกว่า Siri ตรงที่เข้าใจสำเนียงภาษาอังกฤษได้หลากหลายกว่า แถมยังตอบคำถามตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม ล่าสุด Siri โดนท้าชนโดยแอพฯ สายพันธุ์ Android ชื่อว่า Voice Actions ซึ่ง Motorola ต้องการบอกกับผู้บริโภคว่า แอพฯ ตัวนี้เก่งกว่า Siri อีกนะจะบอกให้ :D


Siri อาจจะเป็นแอพฯ เลขาส่วนตัวที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงมากที่สุด เนื่องจากมันมาพร้อมกับ iPhone 4s ของ Apple แต่ Motorola เห็นต่างในเรื่องนี้ โดยทางบริษัทพยายามจะบอกกับผู้ใช้ทัี่วโลก และคุณผู้อ่านเว็บไซต์ arip ทุกท่านว่า Android ก็มีแอพฯ ที่สามารถควบคุมสั่งงานด้วยเสียงที่เก่งกว่า Siri ซึ่งงานนี้ Motorola ไม่ได้แค่ออกมาย้ำเท่านั้น แต่ยังได้จัดทำคลิปเปรียบมวยความสามารถของแอพฯ สองตัวนี้อีกด้วย



ขอบคุณ arip.co.th

ขวัญชัย ​เผย นำคน​เสื้อ​แดงดู​แล ครม.สัญจรอุดรฯ

นายขวัญชัย ​ไพรพนา ​แกนนำ นปช.​และประธานชมรมคนรักอุดร ​เปิด​เผยว่า จะ​เตรียมนำมวลชนคน​เสื้อ​แดงมา ดู​แล ครม.สัญจร ที่ จ.อุดรธานี ​โดยตนจะ​เป็นตัวกลางรับ​เรื่องร้องทุกข์จากประชาชน ที่จะยื่น​เรื่องต่อนายกรัฐมนตรี ส่วนกรณีจะมีกลุ่มมวลชนอื่นมาต่อต้าน​หรือ​ไม่นั้น ​เชื่อว่าตำรวจจะสามารถควบคุม​ได้

ที่มา หนังสือพิมพ์​แนวหน้า

นางแบบสาวเวียดนาม ชะเวิบชะวาบ หนองโพกระเพื่อม

เหวียนถายห่า (Nguyễn Thái Hà) ขึ้นชื่อลือชาในความเป็นสาวมั่น เป็นนางแบบที่มีชื่อเสียงอีกคนหนึ่ง และ ยังมีงานแสดงเข้าเป็นระยะๆ งานหลังนี้เองทำให้ผู้ปกครองเป็นเดือดเป็นร้อนทุกครั้งที่ภาพชะเวิบชะวาบของ เธอแพร่ผ่านสื่อต่างๆ. -- Người Đưa Tin

สื่อออนไลน์ในเวียดนามกำลังรุมก่น เหวียนถายห่า (Nguyễn Thái Hà) นางแบบสาว หลังจากภาพนิ่งและวิดีโอคลิปของเธอกระฉ่อนว่อนเน็ตในช่วงสองวันมานี้ เธอทำให้เวทีประกวดร้องเพลงร้อนระอุและผู้ชมผู้ฟังตาค้าง
       ถายห่ามาในชุดสีเขียวดีไซน์แปลกแหวกแนว .. แหวกจริงๆ.. ตอนที่เธอเคลื่อนไหวบนเวทีทำให้ปทุมถันผลุบๆ โผล่ๆ ไปตามจังหวะ ท่ามกลางเสียงไชโยโห่ร้องด้วยความพึงพอใจของผู้คนหน้าเวที แต่เสียงก่นก็เริ่มตามมาในวันรุ่งขึ้น
       เหตุเกิดคืนวันเสาร์ 18 ก.พ.ในนครโฮจิมินห์ เมื่อสาวเจ้าได้รับเชิญไปร่วมงานประกวดร้องเพลงนัดหนึ่ง และได้ขึ้นโชว์ทั้งร้องทั้งเต้น เสียงของเธอไม่เท่าไร ท่าเต้นนั้นเหลือร้าย แต่ถายห่าไม่รู้สึกปริวิตกอะไร
       แฟนๆ ที่รู้จักเธอดี จะรู้ว่าเธอมีรสนิยมแต่งเนื้อแต่งตัวออกแนวแฟนซี และกล้าทำในสิ่งที่นางแบบทั่วไปไม่กล้า เพราะฉะนั้นเรื่องผลุบๆ โผล่ๆ จึงเป็นเรื่องจิ๊บๆ ที่ผ่านมาเคยโป๊ยิ่งกว่านี้หลายเท่า และแฟนๆ ต่างชื่นชอบ
       อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ปกครองทางบ้านไม่ชอบและไม่มีความสุข เนื่องจากเกรงๆ ลูกหลานจะเอาเป็นเยี่ยงอย่าง เสียงก่นด่าจึงดังขรม ในชั่วเวลาเพียงข้ามวันเท่านั้น
       ไปดูภาพส่วนหนึ่งของเธอจากหนังสือพิมพ์ออนไลน์เหงื่อยเดือติน (Người Đưa Tin) และ ภาพอดีตเมื่อไม่นานมานี้อีกจำนวนหนึ่งโดยสำนักข่าวเวียดนามเอ็กซ์เพรส.

 


 

 

วิทนีย์ ฮุสตัน นักร้องดีวาชื่อดัง ​เสียชีวิตลง​แล้วด้วยวัย 48 ปี

ข่าวต่างประ​เทศรายงานข่าวว่า วิทนีย์ ฮุสตัน นักร้องดีวาชื่อดัง ​เสียชีวิตลง​แล้วด้วยวัย 48 ปี ​เมื่อบ่ายวัน​เสาร์ที่ผ่านมา(11 ก.พ.55) ตาม​เวลาท้องถิ่น ​โดยรายละ​เอียด​เกี่ยวกับ​การ​เสียชีวิตยัง​ไม่มี​การ​เปิด​เผย​แต่อย่าง​ ใด ​ซึ่งข่าว​การ​เสียชีวิตของวิทนีย์ นับ​ได้ว่า ​เป็นข่าวช็อคที่สุดของวง​การ​เพลง ​ซึ่ง​เกิดขึ้นก่อน​การประกาศผลรางวัล​แกรมมี อวอร์ดส์ ​ในอีก​ไม่กี่ชั่ว​โมงข้างหน้า

วิทนีย์ ฮุสตัน นับ​ได้ว่า​เป็นศิลปินที่ทรงอิทธิพลต่อดีวารุ่นหลัง​เป็นอย่างมาก ​แต่​ในช่วงหลังๆ วิทนีย์ มีปัญหา​เกี่ยวกับ​การ​ใช้ยา​เสพติด ​โดย​เธอ​เคยยอมรับว่า ติดยา​เสพติดหลายขนาน​ทั้ง​โค​เคน, กัญชา ​และยาอื่นๆ อีกสารพัดชนิด ​และส่งผลต่องานของตัว​เธอ​เอง​ในที่สุด

วิทนีย์ ฮูสตัน (Whitney Houston) ​หรือชื่อจริงว่า วิทนีย์ ​เอลิซา​เบธ ฮูสตัน (Whitney Elizabeth Houston)(​เกิดวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2506) ​เป็นนักร้อง​เพลงป็อป/อาร์​แอนด์บี ​เจ้าของ​เพลงดังอย่าง I Will Always Love You,Saving All My Love For You ​และ Greatest Love Of All ​เป็นต้น

วิทนีย์ ​เกิดที่ น้วก รัฐนิว​เจอร์ซีย์ ​เป็นลูกของซิสซี ฮูสตัน นักร้องกอส​เปลชื่อดัง ส่วนดิออน วอริค ​เป็นลูกพี่ลูกน้องกับ​เธอ วิตนีย์​เริ่มร้องประสาน​เสียง​ใน​โบสถ์​และ​ได้​เป็น​ผู้ร้องนำ ครั้ง​แรก​เมื่ออายุ​เพียง 12 ปี ​เริ่ม​เข้าวง​การฐานะนักร้องประสาน​เสียง (​เคยร่วมงาน กับชาก้า คาน ​และ​ไปปรากฏตัว​ในคอน​เสิร์ตของคุณ​แม่อยู่บ่อย ๆ) ต่อมา​ก็ก้าว​เข้าสู่​โลก นาง​แบบ​เมื่อปี 2524 ​เธอ​เคย​เป็นปก​ให้นิตยสารกลา​เมอร์ ​และ​เซ​เว่นทีน

อัลบั้ม​แรก Whitney Houston ออกขาย​ในปี 2528 ​โดยมี​เพลงฮิต​เพลง​แรกคือ "You Give Good Love" ขึ้นสูงสุดอันดับ 3 ​ในอ​เมริกา ตามมาด้วย​เพลงอันดับ 1 อีก 3 ​เพลงคือ "Saving All My Love for You", "How Will I Know" ​และ "Greatest Love of All"

อัลบั้ม Whitney ​ในปี พ.ศ. 2530 สร้างประวัติศาสตร์ด้วย​การ​เป็นอัลบั้มของศิลปินหญิงชุด​แรก ที่​เข้าอันดับสัปดาห์​แรก อันดับที่ 1 ​ในนิตยสารบิลบอร์ด วิตนีย์สร้างสถิติ​ใน​การ มีซิง​เกิลที่ติดอันดับ 1 ​ถึง 7 ​เพลงติดต่อกัน รวม​ทั้ง "I Wanna Dance With Somebody (Who Loves Me)", "So Emotional" ​และ "Where Do Broken Hearts Go" หลังจากนั้นอีก 3 ปี วิตนีย์​ก็ออกอัลบั้ม I'm Your Baby Tonight ​ซึ่งมี​เพลงฮิตอีกมากมายหลาย​เพลง รวม​ทั้งซิง​เกิล​ในชื่อ​เดียวกันกับอัลบั้ม ซิง​เกิล "I'm Your Baby Tonight" ขึ้น​ถึงอันดับ 1 ตามมาด้วย​เพลงอันดับ 1 "All the Man That I Need" ขึ้นชาร์ตบิลบอร์ดนาน 2 สัปดาห์

​ในปี พ.ศ. 2535 วิทนีย์​แต่งงานกับนักร้องหนุ่มบ็อบบี้ บราวน์ ​และยัง​แสดงภาพยนตร์​เป็นครั้ง​แรกคู่กับ​เควิน คอสท์​เนอร์ ​เรื่อง The Bodyguard ภาพยนตร์​เรื่องนี้​ได้รับ​ความนิยม ตัว​เพลงประกอบภาพยนตร์​เรื่องนี้คือ ​เพลง "I Will Always Love You" ครองอันดับ 1 อยู่นาน​ถึง 14 สัปดาห์ นอกจากนี้ อัลบั้ม​เพลงประกอบภาพยนตร์​เรื่อง The Bodyguard ยัง​ได้รับรางวัล​แกรมมี สาขาอัลบั้ม​แห่งปี ​ในปี 2536 อีกด้วย

ด้วยวิทนีย์​ก็ยังคงมีงาน​แสดงภาพยนตร์ควบคู่​ไปกับงาน ​เพลงต่อ​ไป​โดยมีภาพยนตร์ที่ประสบ​ความสำ​เร็จอย่าง สูง​เรื่อง Waiting To Exhale ​ในปี พ.ศ. 2538 ​เปิดตัวด้วย​เพลงอันดับ 1 "Exhale (Shoop Shoop)

หลังจากนั้นอีก 1 ปี วิทนีย์​ก็​ได้​แสดงภาพยนตร์​เรื่อง The Preacher's Wife คู่กับ​เดน​เซล วอชิงตัน ​ซึ่งประสบ​ความสำ​เร็จอย่างมาก​เช่นกัน ​และ​เพลงประกอบภาพยนตร์ ​เรื่องนี้​ก็ติดอันดับ​เพลงกอส​เปลของนิตยสารบิลบอร์ด

​เธอ​ได้​เข้าวง​การ​โทรทัศน์​ในปี 1997 กับราย​การภาพยนตร์ชุดทางทีวี​เรื่อง Cinderella ​ซึ่งกลาย​เป็นราย​การที่​เรียก​เรตติ้ง​ได้สูงสุด ​ในรอบกว่า 10 ปีของ​เอบีซีของสถานี​โทรทัศน์​เอบีซี ราย​การดังกล่าว​เป็นราย​การคืนวันอาทิตย์ ของ​เอบีซี ที่มี​ผู้ชมสูงสุด​ในรอบทศวรรษ

​ในปี พ.ศ. 2541 วิตนีย์ออกอัลบั้ม My Love Is Your Love ชุด​แรก​ในรอบ 8 ปีที่​ไม่​ใช่อัลบั้ม​เพลงประกอบภาพยนตร์ อัลบั้มนี้​เธอ​ทำงานร่วมกับ ​ไวคลีฟ จีน, มิสซี ​เอล​เลียต, ลอรีน ฮิลล์ ​และ​เบบี​เฟส ​โดย​เพลง​แรก "When You Believe" ที่ร้องคู่กับมารายห์ ​แครี ​และ​เป็น​เพลงประกอบภาพยนตร์​แอนิ​เมชัน​เรื่อง The Prince of Egypt ​เพลงนี้​ได้รับรางวัลออส​การ์ ​ในสาขา​เพลงประกอบภาพยนตร์ยอด​เยี่ยมด้วย ซิง​เกิลต่อมา "Heartbreak Hotel" (ร่วมร้องกับ ​เฟธ อีวานส์ ​และ ​เคลลี ​ไพรซ์), "It's Not Right but It's Okay" (​เพลงนี้ชนะรางวัล​แกรมมี ​ซึ่ง​เป็นตัวที่ 6 ของ​เธอ ) ​และ "My Love Is Your Love" ขึ้นชาร์ทติด1 ​ใน 5

ต่อมา​เธอ​ได้ร่วมร้อง​เพลง​ในงาน VH1 Diva's Live '99 ร่วมกับนักร้องดีวาส์อย่าง ​แมรี ​เจ. ​ไบลจ์, ทีน่า ​เทอร์​เนอร์, ​แชร์, ​และ ชากา คานห์

​ในปี พ.ศ. 2543 ​เธอออกอัลบั้มคู่ รวม​เพลงฮิตที่​ใช้ชื่อง่าย ๆ ว่า The Greatest Hits มี​เพลงที่ร้องกับ ​เอนริ​เก้ อี​เกล​เซียส ชื่อ "Could I Have This Kiss Forever", จอร์จ ​ไม​เคิล ​เพลง "If I Told You That" ​และ ​เด็บ​เบอราห์ ค็อกซ์ ​เพลง "Same Script, Different Cast"

อัลบั้ม Just Whitney ออกวางขาย​ในปี พ.ศ. 2545 ​ไม่ประสบ​ความสำ​เร็จ​เท่าที่ควร

​ในวันที่ 31 สิงหาคม 2009 วิทนีย์​ได้ออกอัลบั้ม I Look To You ​เป็นอัลบั้ม​ในรอบ 7 ปี สามารถขึ้นอันดับ 1 ​ในบิลบอร์ดชาร์ต​ในสัปดาห์​แรก มี​เพลง​โปร​โมตชื่อ "I Look To You" มีทีมงานที่​เก่งกาจมาช่วย​โปรดิว​เซอร์ ​เช่น Stargate,Akon,Swizz Beat ​และอีกมากมาย

ขาว สวย 'หมวย' เอ็กซ์…

“หมวยเป็นคนชอบปฏิบัติธรรมค่ะ ทุกๆ เดือน จะไปทำบุญ ไปบริจาค ไปถวายสังฆทาน เพื่อนๆ นางแบบหลายคนไปบวชชีพราหมณ์ด้วยกันก็บ่อย”
       คุณหนุ่มๆ จะรู้สึกอย่างไรครับ หากต้องเจอกับประโยคแบบนี้จากปากของหญิงสาวที่มาพร้อมกับลุคเซ็กซี่ร้อนแรง สุดฤทธิ์ เว้ากันซื่อๆ เรารู้สึกเหมือน “พบพระ” ที่ไม่กล้าคิดอกุศลอะไรเลย และนั่นก็ส่งผลต่อรูปมวยของเราอย่างมหาศาล เพราะจากที่เคย “คึก” เพราะรู้สึกว่าจะได้คุยกับสาวเซ็กซี่ สถานการณ์ของเราก็ค่อยๆ ยุบยอบ...ยุบหนอ พองหนอ...ซ่าไม่ออก (555)
“หมวย-พิลาวรรณ อารีรอบ” อาจไม่ใช่บิ๊กเนมในวงการบันเทิง แต่สำหรับผู้คนบนถนนนางแบบ เธอคือ Well-Known อีกเบอร์หนึ่งซึ่งคิวฮอตมากที่สุด...
“โอเคว่า มันค่อนข้างจะเป็นภาพที่ขัดแย้งกันเหลือเกิน” สาวเซ็กซี่ในจักรวาลนางแบบ เว้นวรรคให้รอยยิ้มเล็กน้อย
       “แต่สิ่งที่หมวยได้รับจากการปฏิบัติธรรม ก็ทำให้หมวยเข้าใจงาน เข้าใจชีวิตของตัวเองได้ดีขึ้น แล้วก็แบ่งแยก คนเรามันมีหลายๆ ภาค ภาคที่เป็นงานก็เป็นแบบหนึ่ง ภาคที่เป็นชีวิต ก็เป็นอีกแบบหนึ่ง
“บางที การที่เราอยู่กับโลกมายาเยอะๆ อยู่กับคนเยอะๆ เรากลับมาบ้าน เราก็อยากจะบริหารตัวเอง อยากสงบ แล้วทุกวันนี้ ก่อนนอนทุกคืน ก็สวดมนต์นะ ทุกวันนี้ หมวยมีความสุขมากที่นอนหลับง่าย สบาย ตื่นเช้ามาจิตใจปลอดโปร่ง แจ่มใส ถ้าวันไหนถ่ายงานถึงเช้าแล้วเจอพระ หมวยจะรีบวิ่งไปใส่บาตรเลย”
       เอิ่มมม....เอาละ จะใจบุญสุนทาน จะแก่วัดแก่วามาอย่างไร เราจะกลั้นใจถามล่ะนะ แม้ว่าจะรู้สึก “บาปๆ” อยู่ในใจลึกๆ ก็ตามที ^_^

เห็นภาพแฟชั่นของหมวยเซ็ตนี้แล้ว ต้องบอกว่าเซ็กซี่มาก จริงๆ แล้ว เราเป็นคนร้อนแรงเหมือนในรูปหรือเปล่า?
       ไม่เลยค่ะ มันเป็นแค่งาน งานของเราเป็นงานที่ต้องแต่งตัวเซ็กซี่ เพราะฉะนั้น เราต้องถ่ายทอดออกมาให้คนอื่นเห็นว่าเราเซ็กซี่จริงๆ หนุ่มๆ ดูแล้วก็อยากจะติดตาม อะไรอย่างนั้น มันคืองานที่เวลาเราทำ เราต้องตั้งใจทำ แต่ที่คนจะคิดว่าเราต้องร้อนแรง ก็คงเป็นเพราะว่าคนเราชอบตัดสินกันที่รูปลักษณ์หน้าตามั้งคะ (ยิ้ม)
       ในชีวิตจริง หมวยก็เป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ได้แบบว่าโชว์เรี่ยราดหรือว่าเจอใครก็อยากโชว์ “เอ๊ย เรานมใหญ่” มันไม่ใช่แบบนั้น
ถามจริงๆ ถ้าผู้ชายดูรูปเราแล้วหื่น หมวยคิดยังไงครับ?
       หมวยรู้สึกเฉยๆ นะคะ หมวยถ่ายงานมานานแล้ว และก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาของผู้ชายที่เห็นผู้หญิงนุ่งบิกินี่ หน้าอกใหญ่ๆ แล้วจะแบบว่า...หื่น..หรืออะไรอย่างนั้น หมวยเข้าใจนะว่ามันเป็นธรรมชาติของผู้ชายอยู่แล้ว แต่ถ้าเกิดเห็นรูปเราแล้วแค่คิดในใจ อย่าแสดงออกมากมาย ไม่ใช้คำพูดไม่สุภาพ หมวยก็จะขอบคุณมาก หมวยมีรูปเซ็กซี่ในเฟซบุ๊กเยอะ อาจจะมีคนบางคนมาเมนต์และใช้คำพูดไม่สุภาพเลย ไม่แมนเลย เรื่องหื่นมันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว แต่ว่าไม่ควรใช้คำพูดหยาบคาย
ผู้ชายแบบไหนที่ทำให้หมวยหัวใจเต้นแรงครับ ร้อนแรงหรือเรียบนิ่ง?
       ในชีวิต หมวยเคยคบผู้ชายมาแล้วทั้งสองแบบ ผู้ชายนิ่งๆ ก็อาจจะทำให้เราคบกับเขาได้นานหน่อย ส่วนผู้ชายร้อนแรง แรกๆ มันก็อาจจะค่อนข้างเป็นอะไรที่ตื่นเต้น แต่ในระยะยาว ถ้าเขาไม่นิ่ง ไม่หยุด หมวยว่ามันจะเหนื่อย แต่ถ้าเขาร้อนแรงช่วงแรกๆ แล้วพอคบกันไปแล้วเขาหยุดไหม เขาพอไหม ถ้าเขาหยุด ก็ดี หมวยว่าสาวๆ หลายคนจะชอบผู้ชายสไตล์นี้ แต่ก็อย่างที่บอกว่าถ้าเขาไม่หยุด ผู้หญิง ทุกคนก็ต้องวิ่งไปหาผู้ชายเรียบๆ เพราะว่าคบกับเขาในระยะยาวแล้วเราไม่เหนื่อย คือจริงๆ แล้ว ผู้หญิงทุกคนก็ต้องการผู้ชายที่อยู่ด้วยนานๆ คบแล้วมีความสุข คบแล้วไม่เหนื่อย คบแล้วไม่ต้องวิ่งตามตลอด
       ยังไงก็ตาม ถ้าจะมีอะไรสักอย่างที่เป็นช็อยส์แรกๆ ก็อย่างที่รู้น่ะค่ะ ทุกคนก็จะชอบคนที่หน้าตาดี ชอบคนฮอต แย่งกันจีบ สนุก (หัวเราะ) ถ้าได้มาถือว่าเราชนะ อะไรอย่างนั้น
หมวยเคยแย่งจีบผู้ชายแบบนั้นไหม?
       เคยสิคะ (หัวเราะ) เคยแบบว่าแย่งกันจีบ โอ้โห ผู้ชายคนนี้ฮออตเหลือเกิน แต่พอจีบไปสักพักแล้วรู้สึกว่า เริ่มเหนื่อยแล้วนะ เมื่อไหร่จะหยุดสักที เมื่อไหร่จะเลิกฮอตสักที ถ้าคุณไม่หยุด เราจะหยุดแล้วนะ (หัวเราะ)

วาเลนไทน์ปีนี้วางแผนทำอะไรครับ?
       นี่เป็นอีกหนึ่งปีแล้วที่อาจจะต้องอยู่บ้านคนเดียวเงียบๆ (น้ำเสียงอ่อยๆ)
อ้าว หัวใจยังว่างเหรอครับนี่?
       ใช่ค่ะ (ยิ้ม)
แล้วทำไงดีล่ะวันวาเลนไทน์?
       อย่าออกไปเดินนอกบ้าน เดินแล้วก็อิจฉาคนอื่น ปกติ วันปีใหม่หรือวันอื่นๆ ก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไรนะคะ แต่พอวาเลนไทน์ปุ๊บ นิดนึงนะ การเป็นคนโสดอาจจะดีหลายอย่าง แต่จะไม่ดีอย่างเดียวก็คือวันวาเลนไทน์นี่แหละ เพราะอาจจะรู้สึกว่าแย่จัง อยู่คนเดียว อยากจะออกไปสวีทวันวาเลนไทน์บ้างอะไรบ้าง เห็นคนอี่นเดินกระหนุงกระหนิง ก็น่ารักดี แต่ตัวเองกลับไม่มีอะไรอย่างนี้ ก็อยากจะมีนะ แต่บางที มานั่งคิดว่า ถ้ามันไม่ใช่ ฝืนไป มันก็เท่านั้น
       ดังนั้น อย่าออกจากบ้านเลยค่ะ เพราะหมวยลองหลายปีแล้ว เคยไปทานข้าวคนเดียว ดูหนังคนเดียว เดินช็อปปิ้งคนเดียว จริงๆ ก็คิดนะว่า มันก็แค่วันๆ หนึ่ง แต่พอสักพัก มันก็จะรู้สึกว่า เฮ้อ มันน่าอิจฉาคนอื่นเขา เพราะฉะนั้น เราซื้อของมาทาน ดูหนังอยู่ที่บ้าน ดีกว่า อย่าออกไปไหนเลย เคยออกไปเมื่อหลายปีก่อน เห็นคนเขาให้ดอกไม้กัน โอ๊ย จะตาย รีบกลับบ้านเลย ทำให้เราคิดว่า เฮ้ย เราก็ไม่ได้หน้าตาแย่นะ แต่ว่าทำไมคนอื่นมีแฟน แต่เราไม่มี
เพราะเราเลือกมากเกินไปหรือเปล่า?
       เลือกมากเลยค่ะ (ยิ้ม)

แล้วคนที่เราจะเลือก ต้องเป็นคนยังไงครับ?
       อันดับแรก หมวยไม่ได้เลือกคนที่หน้าตานะคะ ต้องชนะใจหมวยให้ได้น่ะค่ะ แล้วหมวยเป็นคนที่ใส่ใจในรายละเอียดสูงมาก จุกจิกจุ๊กจิ๊กตามประสาผู้หญิง แต่สำหรับผู้ชาย ถ้าจะมาจีบ ขอให้ตั้งใจมาจริง ไม่ใช่ว่ามาจีบเล่นๆ ไม่ได้แค่อยากจะคบไว้ควงเล่น แสดงความตั้งใจให้เราเห็นเลยว่า อยากจะเป็นแฟน อยากจะคบหากันจริงๆ อยากจะอยู่ข้างๆ อยากจะให้คำแนะนำ แล้วก็ช่วยเหลือเราได้บ้าง หรือเวลาเจ็บไข้ได้ป่วย พาส่งโรงพยาบาล
เอิ่ม...อันนั้นแฟน หรือว่ารถพยาบาลฉุกเฉินอ่ะ?
       (หัวเราะ) คือจริงๆ เราก็แค่อยากได้คนที่พึ่งพาได้น่ะค่ะ ส่วนเรื่องเงินหรือว่าอะไรอย่างนั้น เราไม่เคยคิดว่าจะต้องเดือดร้อนแฟนอยู่แล้ว แต่เวลาที่เราต้องการเขา เขาก็มีเวลาให้ เท่านี้ก็ดีแล้วค่ะ

หลายคนใช้วันวาเลนไทน์เป็นวันเสียตัว หมวยคิดยังไงครับ?
       หมวยคิดว่ามันเป็นแฟชั่นนะคะ เราไม่รู้ว่าเขาไปเอามาจากไหนกัน แต่พูดถึงการเสียตัว หมวยว่าเขาเสียตัวกันทุกวันนั่นแหละค่ะ
หมวยคิดว่า เด็กๆ เดี๋ยวนี้ ผู้ใหญ่เข้าไม่ถึงหรือว่าผู้ใหญ่ไม่ได้ดูแลดี ไม่ได้ใส่ใจเขาจริงๆ ถ้าเกิดว่ารู้จักลูกรู้จักหลาน รู้จักน้องตัวเองจริงๆ สอนเขาดีๆ จะช่วยได้มาก
       วัยรุ่น บางที มีเพศสัมพันธ์ไม่ใส่ถุงยาง ไหนจะท้อง ไหนจะมีเรื่องโรค หมวยเห็นเยอะเลย เด็กถูกทิ้ง ไม่มีพ่อแม่ อยู่บ้านเด็กกำพร้า นั่งตาละห้อย น่าสงสารมาก

หมวยเห็นด้วยหรือเปล่ากับการมีอะไรกันก่อนแต่ง?
       หมวยคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดานะคะ เพราะบางที คนเราอาจจะต้องศึกษา อยู่ด้วยกันก่อนหรือว่าเสียตัวก่อน มันหายากแล้วค่ะ ผู้ชายสมัยนี้ที่แบบว่าจะรอได้ หรืออย่างน้อย แค่แต่งงาน หมวยยังคิดว่ายากเลยสมัยนี้ หมวยเองก็คิดว่า หมวยคงไม่ได้แต่งงานเหมือนกัน การที่เราอยู่ด้วยกัน เข้าใจกันแล้วคบกันไปสักพักหนึ่ง แค่นี้ก็โอเค การ มีอะไรกันก่อนแต่งงาน หมวยคิดว่ามันก็ไม่ได้มีอะไรน่าเกลียด หรือว่าไม่ได้ดูร้ายแรง แค่เรามีวุฒิภาวะและสามารถดูแลตัวเองได้ ไม่ทำให้พ่อแม่เสียใจหรือเดือดร้อน
       คือสมัยนี้ เด็กที่ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ค่อนข้างเยอะ ออกมาอยู่คนเดียวเยอะ ออกมาเรียนออกมาทำงาน อย่างหมวยก็ออกมาอยู่คนเดียวตั้งแต่อายุ 17 แล้วทำงานส่งเสียตัวเองเรียนหนังสือ เพราะฉะนั้น ถามว่าเวลาที่เราอยู่คนเดียว มันก็ทั้งเหนื่อยทั้งอันตราย บางที ถ้ามีแฟนรับส่งเราบ้างเวลาเราทำงานดึกๆ ก็ดี ฉะนั้น ถ้าเราโตแล้ว ไม่ทำให้ใครเสียใจ ไม่ทำให้พ่อแม่เดือดร้อน หมวยว่าพอแล้วค่ะ และอีกอย่าง เวลาจะคบใครก็ควรเลือกด้วยว่าเขาเป็นคนดีหรือเปล่า
แล้วกับเรื่องวันไนท์สแตนด์ล่ะครับ วาเลนไทน์นี้น่าจะเยอะ?
       โดยส่วนตัว หมวยอาจจะเคยคิด แต่ว่าถ้าจะต้องทำ ทำไม่ได้หรอกค่ะ เคยไปเที่ยวกับเพื่อนๆ แล้วแบบว่ามีหนุ่มๆ เข้ามาจีบ หมวยว่า การที่เราต้องไปลึกซึ้งกับใคร เราต้องใช้เวลามาก ไม่ใช่แค่ปิ๊งที่หน้าตาแล้วสามารถไปกับคนนั้นได้เลย หมวยเป็นคนที่ค่อนข้างซีเรียสกับเรื่องแบบนี้ ไม่รู้สิ เราถูกสอนมาแบบนี้ แล้วรู้สึกว่า ถ้าเราไปกับเขาแค่ภายในคืนแรกแล้วเขาจะมองเรายังไง หมวยเลยคิดว่า เราคบกันแบบยาวๆ ดีกว่า แต่ถ้าผู้ชายคนนั้นอยากจะแค่ วันไนท์หรือฟันแล้วทิ้ง หมวยก็จะบอกว่า ถ้าอย่างนั้น เราเป็นเพื่อนกันดีกว่า จะได้ไม่เสียความรู้สึกต่อกัน

เรื่องบนเตียงมีอิทธิพลต่อความรู้สึกนึกคิดหรือชีวิตเรามากน้อยแค่ไหน?
       มีนะ ประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ เมื่อก่อนก็มีคนบอกว่า ผู้ชาย ถ้าเซ็กซ์ไม่ดี แต่เป็นคนดี ก็อยู่ด้วยได้ หมวยว่าเซ็กซ์ก็เหมือนกับอาหาร มันมีหลากหลายรสชาติ เราต้องกินก่อน เราถึงจะรู้ว่ามันอร่อยหรือไม่อร่อย แต่ว่าผู้ชายที่อยู่ในอุดมคติของเราจริงๆ อาจจะไม่ใช่ผู้ชายที่เซ็กซ์ดีมากๆ แต่เซ็กซ์แย่ก็ไม่ไหวนะ ผู้หญิงจะหนีแน่นอน จะหนีตั้งแต่ครั้งแรกเลย นี่จะบอกให้หนุ่มๆ ฟังไว้ เซ็กซ์แย่หมายถึงรุนแรง ซาดิสต์ หรือไม่ให้เกียรติ ก็อาจจะได้แค่ครั้งเดียว วันเดียว อย่างเพื่อนหมวยบางคนก็เล่าให้ฟังว่า โอ้โห ผู้ชายคนนั้นคนนี้หล่อมาก หน้าตานายแบบเลย แต่เซ็กซ์ห่วยมาก ซาดิสต์มาก ไม่ให้เกียรติผู้หญิงเลย ดังนั้น ต่อให้หล่อแค่ไหนก็ได้แค่นั้นแหละค่ะ ผู้ชายบางคนหน้าตาไม่ได้ดีอะไรนัก แต่เทคแคร์เราดีเซ็กซ์ดี ก็มักจะมีครั้งต่อๆ ไป
ที่ผ่านมา มักจะมีการถกเถียงกันว่า “ขนาด” สำคัญหรือเปล่า สำหรับหมวย คิดอย่างไรครับ?
       หมวยไม่ได้คิดว่า มันไม่สำคัญซะทีเดียว มันเหมือนปัญหาโลกแตก ถามว่าสำคัญไหม จริงๆ มันก็สำคัญนิดนึงค่ะ คืออย่างสมติว่า ถ้าผู้ชายเล้กกกก...ก็อาจจะทำให้ผู้หญิงรู้สึกว่า ตัวเองไม่ฟิตหรือเปล่า ไม่ใช่ว่าเขาดูถูกผู้ชายนะคะว่า เฮ้ย ผู้ชายแม่งเล็ก ไม่ใช่ ผู้หญิงเขาจะคิดอีกแบบ “เราไม่ฟิตหรือเปล่า” หรืออะไรประมาณนี้ แต่ ว่าผู้หญิงบางคนที่คิดว่า แม่งเล็กก็มี มาเมาท์กัน แต่ถ้าหมวยเจอผู้ชายแบบนี้ หมวยก็อาจจะรู้สึกว่า เราไม่ฟิตหรือเปล่า หรืออะไรประมาณนั้น แต่ว่าถ้าผู้ชายใหญ่ม้ากกกก...เกินไป หลายๆ คนอาจจะชอบ แต่สำหรับหมวย คิดว่า “พอดี” ดีกว่า เพราะใหญ่เกินไปก็เจ็บ มันจะจุก (หัวเราะ)

รวบเกาหลีหลอกเหยื่อร่วมธุรกิจอสังหาฯเชิด 19 ล้านหนีกบดานในไทย!

สตม.ตามรวบหนุ่มใหญ่ชาวเกาหลีใต้ อ้างเป็นผู้บริหารบริษัทอสังหาริมทรัพย์หลอกเหยื่อชาติเดียวกันร่วมลงทุน แล้วหอบเงินหนีกบดานในไทย สร้างความเสียหาย 19 ล้าน
       วันนี้ (9 ก.พ.) พล.ต.ต.มนตรี โปตระนันทน์ รอง ผบช.สตม.เปิดเผยว่า พล.ต.ต.ปรีชา ธิมามนตรี ผบก.สส.สตม.พร้อม พ.ต.อ.เฉลิมพล จินตรัตน์ ผกก.2 บก.สส.สตม. นำกำลังเข้าจับกุมนายคิม แต ซอง อายุ 44 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ ผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับสาธารณรัฐเกาหลีใต้ในความผิดฐานฉ้อโกง มูลค่าความเสียหายประมาณ 800 ล้านวอน หรือ 19 ล้านบาท โดยจับกุมตัวได้ในพื้นที่ อ.เวียงชัย จ.เชียงราย เมื่อวานนี้( 8 ก.พ.)
       พล.ต.ต.มนตรี กล่าวว่า นายคิมเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับประเทศสาธารณรัฐเกาหลีใต้ โดยมีพฤติกรรมร่วมกับพวก 4 คน แอบอ้างว่าเป็นผู้บริหาร บริษัท อสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ จากนั้นได้ชักชวนเหยื่อให้นำเงินมาเข้าร่วมการลงทุน ซึ่งเมื่อได้เงินจากเหยื่อแล้วจะหลบหนีออกนอกประเทศ จึงทำการสืบสวนและติดตามจับกุมตัวได้ที่จังหวัดเชียงราย
       เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวส่งสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีใต้ ประจำประเทศไทย เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

image

นายคิม แต ซอง อายุ 44 ปี (เสื้อลาย) ผู้ต้องหาฉ้อโกง อ้างเป็นผู้บริหารบริษัทอสังหาริมทรัพย์ หลอกเหยื่อร่วมลงทุนสูญเงิน 19 ล้านบาท

ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

สรรพสามิตแถลงผลงานจับกุมสินค้าหนีภาษีรอบปี 54-55 โชว์ทำลายของกลางมูลค่า 676 ล.

image
image

นางเบญจา หลุยเจริญ อธิบดีกรมสรรพสามิต ร่วมทำลายของกลางที่ยึด
image

กรมสรรพสามิต จับเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน ขณะกำลังสูบถ่ายขึ้นรถบรรทุกน้ำมัน บริเวณท่าเทียบเรือร้าง ย่านยานนาวา ยึดน้ำมันเตา 7 หมื่นลิตรและน้ำมันดีเซล 1 หมื่นลิตร พร้อมแถลงผลงานในรอบปี54-55 ยึดสุรา ยาสูบ ไพ่ น้ำมันและทำลายของกลางที่ยึดได้ มูลค่ารวม 676,705,156 บาท
       วันนี้ (9 ก.พ.) เวลา 10.00 น.ที่กรมสรรพสามิต นางเบญจา หลุยเจริญ อธิบดีกรมสรรพสามิต นายธรรมศักดิ์ ลออเอี่ยม รองอธิบดีกรมสรรพสามิต นายเอกศักดิ์ โอเจริญ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางสรรพสามิต และ นายบุญชัย พิทักษ์ดำรงกิจ ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์ภาษีสรรพสามิต ร่วมกันแถลงผลการปราบปรามและจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตทั่วประเทศ น้ำมันเถื่อน เหล้า บุหรี่ ของหนีภาษี และผลการดำเนินงานปี 2554 - 2555 พร้อมทำลายของกลาง มูลค่ารวม 676,705,156 บาท โดยทางกระทรวงการคลังได้มอบนโยบายให้กรมสรรพสามิตดูแลสินค้าที่หลีกเลี่ยง ภาษี รวมถึงการดำเนินงานตามมาตรการเชิงรุกในการป้องกันและปราบปรามสุราเถื่อน บุหรี่เถื่อน และน้ำมันเถื่อน และจูงใจผู้ที่อยู่นอกระบบให้เข้ามาสู่ระบบภาษี ซึ่งระดมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจสำนักตรวจสอบ ป้องกันและปราบปราม และเจ้าหน้าที่สรรพสามิตพื้นที่ทั่วประเทศ ร่วมกันตรวจสอบและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตตามแหล่ง สถานบริการ แหล่งชุมชน และพื้นที่เป้าหมายอื่นๆ ซึ่งคาดว่าอาจมีการกระทำผิด เพื่อเป็นมาตรการเสริมทางอ้อมในการดูแลสุขภาพผู้บริโภคให้บริโภคสินค้าที่ ถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากการบริโภคบุหรี่และสุราที่หลีกเลี่ยงภาษีจะเป็นอันตรายและส่งผล เสียต่อสุขภาพมากกว่าบุหรี่ และสุราโดยทั่วไป
       สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2555 เวลาประมาณ 16.45 น.ได้รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีการขนน้ำมันที่มิชอบด้วยกฎหมายสรรพสามิต จึงมอบหมายให้ นายธรรมศักดิ์ ลออเอี่ยม รองอธิบดีกรมสรรพสามิต และชุดเฉพาะกิจสำนักตรวจสอบป้องกันและปราบปรามกรมสรรพสามิต ได้ร่วมกันวางแผนเพื่อทำการจับกุมและตรวจยึดน้ำมัน ขณะกำลังสูบถ่ายน้ำมันจากเรือขึ้นรถบรรทุกน้ำมัน บริเวณท่าเทียบเรือร้าง แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพฯ มีนายจรัล เลี้ยงฤทัย เป็นนายท้ายเรือ จากการตรวจค้นพบของกลางเป็นน้ำมันเตา 70,000 ลิตร และน้ำมันดีเซล 10,000 ลิตร รวม 80,000 ลิตร บรรจุอยู่ช่องระวางเรือ และบนรถบรรทุกน้ำมัน ยี่ห้ออีซูซุ หมายเลขทะเบียน 70-4728 สมุทรสาคร
       เบื้องต้นแจ้งข้อหา นายจรัล มีความผิดตาม พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2527 ฐานมีไว้ครอบครองซึ่งสินค้าโดยรู้ว่าเป็นสินค้าที่มิได้เสียภาษี และทำการเปรียบเทียบปรับ เป็นเงิน จำนวน 658,459 บาท และชำระภาษีเป็นเงิน 144,861 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 803,320 บาท ทั้งนี้ หากนำน้ำมันเตาและน้ำมันดีเซลจำนวนดังกล่าวไปจำหน่ายในท้องตลาด จะมีมูลค่าประมาณ 1,901,836 บาท รวมของกลางและค่าปรับทั้งสิ้น 2,705,156 บาท
       นางเบญจา กล่าวว่า สำหรับผลการจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตทั่วประเทศในปีงบประมาณ 2554 (1 ตุลาคม 2553 – 30 กันยายน 2554) ผลการจับกุมรวมทั้งสิ้น 42,500 คดี เปรียบเทียบปรับประมาณ 517 ล้านบาท จำนวนของกลางแยกเป็นสุรา จำนวน 1,633,138 ลิตร ยาสูบ จำนวน 19,248,500 มวน ไพ่ 32,056 สำรับ และน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน รวม 8,526,096 ลิตร สำหรับผลการจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตทั่วประเทศในปีงบประมาณ 2555 ไตรมาสแรก (1 ตุลาคม 2554 - 31 มกราคม 2555) โดยผลการจับกุมรวมทั้งสิ้น 14,388 คดี เปรียบเทียบปรับประมาณ 157 ล้านบาท จำนวนของกลางแยกเป็น สุรา จำนวน 99,728 ลิตร ยาสูบ จำนวน 3,439,820 มวน ไพ่ 1,550 สำรับ และน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน รวม 1,911,839 ลิตร
       “หากประชาชนท่านใดทราบเบาะแสการกระทำความผิดเกี่ยวกับสินค้าที่ต้อง เสียภาษี สรรพสามิต สามารถแจ้งโดยตรงได้ที่กรมสรรพสามิต หรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ทุกแห่งทั่วประเทศ หรือ Call center 1713 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือที่ www.excise.go.th หรือแจ้งที่ตู้ ป.ณ.10 เขตดุสิต กรุงเทพฯ 10300 ซึ่งกรมสรรพสามิตจะปกปิดข้อมูลของผู้แจ้งเบาะแสเป็นความลับ และจะมอบสินบนนำจับให้ภายหลังจากคดีเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว” อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าว

ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

ระทึก! ปฏิบัติการ 8 ชม.กู้รถแก๊ส LPG คว่ำ ย่านลำลูกกา

image

เกิดอุบัติเหตุระทึกรถบรรทุกแก๊ส LPG พลิกคว่ำ บนถนนลำลูกกา บริเวณแยกวงแหวนตะวันออก แก๊สพวยพุ่งออกมาจากแคปซูลบรรทุกเจ้าหน้าที่ต้องกันประชาชนออกจากพื้นที่ และห้ามเปิดเครื่องไฟฟ้า หรือจุดไฟในรัศมี 200 เมตร หวั่นเกิดระเบิด ก่อนปิดถนนยาว 8 ชม.เพื่อเก็บกู้ส่งผลให้การจราจรย่านรังสิต ลำลูกกาและ กาญจนาภิเษก ตัดขัดยาวกว่า 10 กม.
       วันนี้ (5 ก.พ.) เมื่อเวลา 07.30 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ลำลูกกา รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถบรรทุกแก๊สแอลพีจีพลิกคว่ำบนถนนลำลูกกา ขาออก แยกตัดวงแหวนตะวันออก หน้าร้านโมเด็กซ์เฟอร์นิเจอร์ ส่งผลให้แก๊สแอลพีจีรั่วไหลพวยพุ่งออกมาจำนวนมาก จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบก่อนประสานเจ้าหน้าที่ดับเพลิงรุดไปตรวจสอบ
       ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกแก๊สของ บ.เปรมฤทัย ปิโตรเลียม จำกัด ในสภาพพลิกตะแคงอยู่กลางถนน จึงเร่งปิดการจราจรชั่วคราวทั้ง 2 ฝั่ง เป็นระยะทาง 500 เมตร เพื่อความปลอดภัยของผู้สัญจรไป-มา อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ดับเพลิงไม่สามารถเข้าไปยังที่เกิดเหตุได้ เนื่องจากแก๊สยังคงรั่วไหลออกมาตลอดเวลา ทำให้ต้องปิดพื้นที่โดยรอบ เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดอันตรายเพราะชาวบ้านในบริเวณใกล้เคียงเริ่มออกมามุง ดูเหตุการณ์ โดยเจ้าหน้าที่ต้องประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านในรัศมี 200 เมตรที่แก๊สรั่วไหลห้ามเปิดไฟฟ้า หรือจุดไฟ เพราะหวั่นจะเกิดประกายไฟจนทำให้แก๊สระเบิด ขณะที่แก๊สยังคงพวยพุ่งออกมามากขึ้นเรื่อยๆ เจ้าหน้าที่ทำได้เพียงปล่อยให้แก๊สเจือจางไปกับอากาศและรอเจ้าหน้าที่ผู้ เชี่ยวชาญมาปิดวาลว์หรือแก้ปัญหาเรื่องการรั่วไหล
       จนเมื่อเวลา 11.30 น.คณะผู้เชี่ยวชาญจากบริษัท ปตท.ได้เดินทางมายังที่เกิดเหตุพร้อมรถบรรทุกแก๊ส เปล่า 2 คัน และรถเครนขนาดใหญ่ 1 คัน จากนั้นได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่จอดรถบรรทุกแก๊ส และรถเครน ไว้ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 50 เมตร เนื่องจากยังมีแก๊สรั่วไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง แม้ปริมาณจะบางเบากว่าเดิมก็ตาม จากนั้นคณะผู้เชี่ยวชาญได้เข้าไปตรวจสอบรถบรรทุกแก๊สที่พลิกคว่ำเพื่อหาทาง ปิดรอยรั่ว และยกรถขึ้นโดยทุกขั้นตอนต้องมีการฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไว้ตลอดเวลาก่อนจะทำการ ถ่ายแก๊สแอลพีจีที่ยังเหลืออยู่ในแคปซูลอีกถึง 50 เปอร์เซ็นต์ใส่รถเปล่าที่เตรียมมาได้สำเร็จในที่สุด
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อุบัติเหตุรถบรรทุกแก๊สแอลพีจีพลิกคว่ำในครั้งนี้ ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องปิดการจราจรโดยรอบบริเวณที่เกิดเหตุทั้งฝั่งขา เข้าและขาออก อ.ลำลูกกา เป็นเวลากว่า 8 ชั่วโมง ส่งผลให้การจราจรตั้งแต่บริเวณแยกรังสิต ปากทางเข้าคลอง 3 และคลอง 4 รวมทั้ง ถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนตะวันออก) ติดขัดเป็นระยะทางยาวกว่า 10 กม.

บ่อนกลางกรุง! อย่าสองมาตรฐาน

บ่อนการพนันถือ เป็นเสี้ยนหนามที่ศัตรูคู่กรณีหยิบมาทิ่มแทงตำรวจผู้รักษากฎหมายอย่างได้ผล ชะงัดนัก ดังจะเห็นเมื่อใกล้ฤดูกาลโยกย้ายใหญ่ เก้าอี้ทำเลทองแห่งไหนเป็นที่หมายตาคู่แข่งที่ต้องการวิ่งมานั่งแทนเจ้าของ ตำแหน่งเดิม ก็จะนำบ่อนออกมาแฉ ไม่เว้นแม้แต่เก้าอี้ตัวสูงสุดในกรมปทุมวัน

image image
       ก่อนหน้านี้คงจำกันได้กับเหตุผลในการปลด “บิ๊กน้อย” พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี อดีต ผบ.ตร. โดย”อดีตเสี่ยอ่าง” นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย เป็นหนังหน้าไฟ แฉบ่อนกลางสภาหลังนาวารัฐ “ปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายเสร็จสิ้น
       นายชูวิทย์ เรียกความสนใจได้น่าตื่นเต้นกว่ารัฐบาลแถลงนโยบายเสียอีก โดยเปิดคลิปการซื้อขายยาเสพติด และบ่อนกาสิโน ที่ประกอบด้วยโต๊ะบาคาร่า โต๊ะถั่ว และ สล็อตแมชชีน อดีตเสี่ยอ่าง ระบุว่า บ่อนดังกล่าว อยู่ติดถนนใหญ่อย่างโจ่งแจ้ง ห่างจากสถานีตำรวจ อักษรย่อ “ส.” ซึ่งไม่ใช่ สน.สำราญราษฏร์ ประมาณ 200 เมตร โดยตนได้ส่งสายลับเข้าไปถ่ายคลิปมา อยากให้ผู้รับผิดชอบเอาใจใส่ ติดตาม เพราะเปิดกันเสรี ประชาชนมีความเดือดร้อน อยากให้ ครม.ชุดนี้ได้เก็บคลิปเหล่านี้เอาไว้ และหาทางป้องกัน ไม่ให้เยาวชนเข้าไปเกี่ยวข้อง และขอให้รัฐบาลนำปัญหาป้องกันและปราบปรามยาเสพติดและอบายมุขเป็นวาระแห่ง ชาติ แต่รัฐบาลไม่มีนโยบายที่จะจัดการกับแหล่งอบายมุขเลย ทั้งๆ ที่ ยาเสพติดจะอยู่ควบคู่กับแหล่งอบายมุข
       แต่แทนที่รัฐบาลปูจะเสียกระบวน ผลการแฉบ่อนกลางกรุงกลับสะท้อนมาลงที่เจ้าของตำแหน่งเก้าอี้กรมปทุมวัน เพียงข้ามวัน พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี แม่ทัพใหญ่สีกากี จึงได้มีหนังสือคำสั่งด่วนถึง พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการำรวจนครบาล ขณะนั้นให้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง ถึงประเด็นยาเสพติดที่กำลังแพร่หลายในสถานประกอบการ รวมทั้งการปล่อยให้มีการเล่นพนันในลักษณะเป็นบ่อนการพนันขนาดใหญ่ อยู่ใกล้กับสถานีตำรวจนครบาลแห่งหนึ่ง โดยมีชื่อย่อ "ส." ในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล และอยู่ใกล้กับสถานศึกษาอีก 2 แห่ง พร้อมทั้งมีการนำคลิปวิดีโอ ที่นายชูวิทย์ นำมาเผยแพร่มาตรวจสอบด้วย โดยให้ พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รอง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้ากำกับดูแลอีกที
       การแฉข้อมูลของเสี่ยอ่างครั้งนั้นลือกันว่าเป็นการเตรียมกันระหว่าง “เฉลิม อยู่บำรุง” รองนายก ฯและกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นแผนปูทางทางให้ “บิ๊กอ๊อฟ” พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ พี่ชายคุณหญิงอ้อ “พจมาน ณ ป้อมเพชร” ภรรยาสุดเลิฟของ”เสี่ยแม้ว” พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีอาญาแผ่นดิน นั่งเก้าอี้เป็น ผบ.ตร.แทน
       แรงกระเพื่อมเรื่องบ่อนก็เป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์เพราะไม่นาน พล.ต.อ.วิเชียร ก็ถูกคำสั่งเด้งพ้นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในข้อหาปล่อยปละละเลยให้มีบ่อนกลางกรุง แล้ว พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ก็ได้นั่งเก้าอี้แม่ทัพสีกากีสมดังปรารถนา
       จากนั้นเรื่องบ่อนกลางกรุงก็เงียบไปนานกระทั่งไม่กี่วันก็ถูกโหม กระพือจาก “อดีตเสี่ยอ่าง”อีกครั้ง โดย นายชูวิทย์ เปิดแถลงข่าวที่พรรคของตัวเองในหัวข้อ “ทำไมตำรวจไทย ไม่เจอบ่อน และนักการเมืองบางคนทำไมถึงโง่”
       นายชูวิทย์ แฉว่า การออกมาให้ข่าวเรื่องบ่อนการพนันของตน ทำเพื่อให้ข้าราชการตำรวจตระหนักถึงหน้าที่ของตัวเอง ในการทำงานเพื่อประเทศชาติ เช่นเดียวกับการต่อต้านคอรัปชัน ที่ต้องพึ่งพาข้าราชการเป็นกลไกสำคัญ บ่อนการพนันก็เช่นเดียวกัน เพราะบางบ่อนเปิดชาวบ้านร้านตลาดรู้กันทั่ว แต่ตำรวจไม่เจอไปถามชาวบ้านเขาบอกว่ามี แต่ตำรวจไม่เจอ ไปเจอก็บอกเป็นบ่อนวิ่ง บ่อนการกุศล บ่อนเฉพาะเทศกาลปีใหม่ เป็นบ่อนเล็กๆ หนักๆ เข้าก็บอกว่า ไม่มีบ่อนการพนันเลย
       อดีตเสี่ยอ่างแฉต่อว่า วันนี้ก็เชื่อว่า ตำรวจนครบาลจะส่งรายงานไปที่ พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ว่าไม่มีบ่อนการพนันในพื้นที่เลย เพราะอะไร เขาปิดไปแล้ว แต่ไม่ช้าบ่อนการพนันเหล่านี้ก็จะเปิดกันตามปกติ ไม่เกิน 1-2 สัปดาห์ อิทธิพลของบ่อนการพนันได้แทรกซึมไปทุกที่แล้ว แรกๆ ตนไม่เชื่อว่า บ่อนการพนันจะมีอิทธิพลใหญ่โตเช่นนี้ แต่ตอนนี้เชื่อแล้ว เพราะทันทีที่นักการเมืองอย่าง นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ออกมาพูดว่า ชูวิทย์จะดิสเครดิตรัฐบาล ก็อย่าลืมว่า เมื่อหลายเดือนก่อน ตนเปิดเผยเรื่องบ่อนรัชดาฯ ก็มีสื่อมวลชนตั้งคำถามกับตนว่า ตนรู้กันวางแผนกับ ร.ต.อ.เฉลิม เพื่อโยกย้าย พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.คนก่อน หลังจากนั้น พล.ต.อ.วิเชียร ก็ไปจริงๆ และ พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ดามาพงษ์ ก็มารับตำแหน่ง ผบ.ตร.จริงๆ ตนได้รับการต่อว่าต่อขานมาก
       นายชูวิทย์ กล่าวด้วยว่า มาวันนี้ ก็มีคนมาดิสเครดิตตนอีกว่า วางแผนที่จะย้าย ผบ.ตร.เพรียวพันธุ์ มันเป็นไปได้อย่างไรที่ตนจะอยู่ทั้งฝั่งเชียร์รัฐบาล และด่ารัฐบาล รู้กันถึงการโยกย้าย ผบ.ตร.ทุกคน ผมยืนยันว่า นักการเมืองโง่บางคน ไม่รู้ว่าบ่อนการพนันอยู่ที่ไหน ถ้าแน่จริงคนอย่างนายพร้อมพงษ์ หรือนักการเมืองหน้าไหนก็ได้ บอกชื่อบ่อนการพนันมาแค่ 1 ที่ 1 บ่อนก็พอ คุณไม่กล้าเพราะอะไร เพราะไม่มีปัญญา ไม่มีกึ๋น อิทธิพลของบ่อนยังแทรกซึมไปในวงราชการ นักการเมือง ถึงกระบวนการบางแห่งที่ตนไม่อยากพูดถึง
       “ยืนยันว่า ผบ.ตร.คนนี้เป็นคนดี เช่นเดียวกับ ผบ.ตร.คนก่อนนี้ รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดี ยังมีอีกมาก แต่ท่าน ผบ.ตร.อาจจะฟังการรายงานของคนรอบข้างไม่ครบถ้วน ปัญหาบ่อนโยงถึงการคอรัปชันมันถึงเปิดบ่อนการพนันได้ ทำลายภาพลักษณ์ของประเทศ ไม่มีเครดิตในสังคมโลก กลับเป็นการทำลายสถาบันของตัวเอง ทั้งที่ตัวเองควรจะส่งเสริม ผมมาปกป้องสถาบันของท่าน แต่เมื่อมีการท้าทายผมว่าไม่มีบ่อน ผมถ่ายไปมาหมดแล้ว บ่อนใหญ่ บ่อนคลาสสิกทั้งหมด ท่านเปิดก็เปิดไป ผมก็ไปถ่ายอีก หนามยอกเอาหนามบ่ง แน่จริงคุณเปิด ผมก็ไปถ่าย ตำรวจบอกไม่มีอีก ถ้าไม่มี ผมจะถ่ายมาได้อย่างไร” นายชูวิทย์ กล่าว
       แต่ไม่ทันข้ามวัน นายชูวิทย์ ก็ออกมาแฉอีกดอกว่า จะมีการเปิดบ่อนการพนันในพื้นที่กรุงเทพฯ แห่งใหม่ พร้อมกับนำภาพมายืนยันโดยนายชูวิทย์ กล่าวว่า ภาพบ่อนใหม่ที่เตรียมเปิดนี้มีการจัดระบบกับวางอุปกรณ์แล้ว ด้วยระบบที่มาจากต่างประเทศ และมีการจัดรอบทดลองไปแล้วเตรียมเปิดเร็ว ๆ นี้ มีเครือข่ายกับคนมีสี มีบั้งที่ตำรวจเกรงใจคอยดูแลอยู่สาเหตุที่ต้องเปิดเผยกับสื่อมวลชนเกี่ยวกับ ข้อมูลเหล่านี้เพราะถ้าใช้วิธีให้ข้อมูลกับตำรวจก็จะใช้เวลานานกว่าจะไปตรวจ สอบ พอสั่งลูกน้องให้ไปดูก็ข่าวรั่ว บ่อนก็รู้ตัวเสียก่อน กว่าจะไปถึงก็ปิดแล้ว และที่ผ่านมาข้อมูลบ่อน 22 แห่ง ได้ส่งให้ตำรวจไปแล้ว แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้า
       ร้อนถึง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ จึงรีบได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง จเรตำรวจแห่งชาติ นำกำลังเข้าตรวจสอบบ่อนตามที่นายชูวิทย์ ออกมาให้ข้อมูล โดยนำกำลังเข้าตรวจสอบอาคาร 2 ชั้น ใช้ชื่อเดิมว่า “เลดี้ผับ” เปิดเป็นสถานบันเทิง ตั้งอยู่ที่ ถ.โชคชัย4 ซอย 72 ซอยย่อยสตรีวิท 2 แยก 20 แขวงและเขตลาดพร้าว กทม. แต่พบว่าอยู่ระหว่างการปรับปรุงซ่อมแซม เพื่อเปิดเป็นร้านคาราโอเกะและอาบอบนวด โดยบริเวณชั้นที่ 2 ของร้านพบเป็นห้องว่างเปล่าไม่พบวัสดุอุปกรณ์ที่ผิดกฎหมายหรือเกี่ยวข้องกับ การพนัน มีเพียงจอทีวี 2 เครื่อง และโต๊ะเก้าอี้ไม้ตั้งอยู่
       ต่อมา พล.ต.อ.สถาพร ยังเข้าตรวจอาคารพาณิชย์เลขที่ 118/27-28ซอยรามคำแหง24 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ ซึ่งเป็นอาคาร 5 ชั้น ชั้นที่ 1-2 อยู่ระหว่างการปรับปรุงสียังไม่แห้ง โดยชั้นที่ 3 แบ่งเป็นห้องจำนวนหลายห้องมีโต๊ะกลมขนาดใหญ่ซึ่งไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ วางอยู่ 1 ตัว โดยผู้เช่าตึกดังกล่าวอ้างว่า เคยเปิดเป็นร้านอาหารจีน เจ้าของได้มาเช่าเพื่อเปิดเป็นร้านอินเตอร์เน็ต ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่าอาคารทั้งสองเปิดเป็นบ่อนจริง
       พล.ต.อ.สถาพร กล่าวว่า จากข้อมูลทราบว่า “เลดี้ผับ” เปิดมานานหลายเดือน และเพิ่งปิดตัวไปประมาณ 1 เดือนก่อนหน้านี้ ถึงแม้การตรวจสอบจะไม่พบอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการพนัน แต่พบร่องรอยที่เชื่อว่าเคยเปิดเป็นลักษณะบ่อนการพนันเครือข่าย “เฮียตือ” ซึ่งเป็นข้อูลที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับมา แต่อุปกรณ์ต่างๆ ได้ถูกเคลื่อนย้ายไปแล้ว โดยอาคารนี้สามารถจุคนได้ประมาณ 50-100 คน ทั้งนี้จากการเปรียบเทียบลักษณะห้องกับภาพถ่ายที่ได้มาเป็นหลักฐานพบว่ามี ลักษณะคล้ายคลึงกัน ส่วนที่ พาณิชย์ย่านรามคำแหง พบ่วาเคยเปิดเป็นบ่อนเช่นกัน หลังจากนี้จะทำการเรียกเจ้าของอาคารดังกล่าวมาทำการสอบปากคำต่อไป
       “จากข้อมูลที่ได้มาพบว่ามีบ่อนการพนันในพื้นที่นครบาลมีทั้งหมดจำนวน 18 บ่อน ส่วนในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 1 มีจำนวน 6 บ่อน ในพื้นที่ จ.นนทบุรี และ จ.ปทุมธานี โดยในพื้นที่นครบาลเฉพาะพื้นที่ บก.น.4 ซึ่งมีอยู่จำนวน 5-6 บ่อน ในพื้นที่ของ 4 สน.ประกอบด้วย สน.โชคชัย สน.ลาดพร้าว สน.วังทองหลาง และสน.หัวหมากอย่างไรก็ตามจะเรียก ผกก.ทั้ง 4 สน.มาประชุมเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวก่อนจะสรุปผลเพื่อรายงานให้ ผบ.ตร. รับทราบภายใน 7 วัน หากการตรวจสอบพบว่าพื้นที่ใดที่มีการปล่อยปะละเลย นายตำรวจตั้งแต่ระดับ ผบก.-ผกก. ในท้องที่นั้นจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ โดยจะมีการพิจารณาโทษทางปกครองด้วยการสำรองราชการ” พล.ต.อ.สถาพร กล่าว
       สิ่งที่ จเรตำรวจแห่งชาติให้ข้อมูลแสดงว่า มีบ่อนเกิดขึ้นจริงตามที่ นายชูวิทย์ ออกมาเปิดเผย แต่ทั้งนี้ ร.ต.อ.เฉลิมก็ออกมาพูดในทำนองปกป้อง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ สุดลิ่มทิ่มประตูว่าตำรวจยุคนี้เป็นยุคตำรวจที่ดีที่สุด ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติและนครบาล เพราะตำรวจตั้งใจทำงาน อย่างไรก็ตามบ่อนการพนันคงหนีไม่พ้นจากสังคมไทย แต่ต้องดูเป็นรายกรณีไป ถ้าเป็นบ่อนที่เปิดมานานแล้ว ปล่อยปละละเลยและมีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้อง จะต้องมีมาตรการลงโทษ ถ้าเป็นบ่อนวิ่งหรือบ่อนเล็ก ตำรวจอาจจะจับได้บ้างไม่ได้บ้าง และไม่ถือว่าเป็นความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ เพราะตนเคยเป็นตำรวจมาก่อน ซึ่งไม่ใช่อยู่ดีๆบอกว่ามีบ่อนที่โน่นที่นี้ แล้วมาบอกว่าตำรวจผิดนั้นไม่ได้ อย่างเช่น บ่อนเหม่งจ๋ายก็ไม่ได้เปิด บ่อนโชคชัย 4 ก็เลิกไปแล้ว บ่อนรัชดาที่ใหญ่มากก็ปิดแล้ว
       หากมาย้อนดูตอนที่ ร.ต.อ.เฉลิม เคยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงเหตุผลในการย้าย พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติไปทำหน้าที่เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และเสนอ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแทนว่า การตัดสินใจครั้งนี้ไม่ใช่การแก้แค้น แต่เป็นการแก้ไขให้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมามีบ่อนการพนัน ตู้ม้า ยาเสพติดแพร่ระบาดไปทั่ว จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อความเหมาะสม ด้วยการนำ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ที่มีความสามารถเรื่องการปราบปรามมาทำหน้าที่ แทน
ดูความกระล่อน พลิกลิ้นไปมาและใช้สองมาตรฐานของ”เป็ดเหลิม”แล้ว หนักใจแทน “บิ๊กอ๊อฟ”เหลือเกินว่า จะกล้าสู้หน้าผู้ใต้บังคับบัญชา สู้หน้าประชาชนได้หรือไม่ เพราะบ่อนที่ชูวิทย์แฉครั้งก่อน เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ “บิ๊กน้อย”ต้องถูกเด้งพ้นกรมปทุมวัน แต่เมื่อถึงคราวของตนเอง กลับถูกอุ้มจนออกนอกหน้า

ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

เมีย “ตี๋ บางขวาง” มอบตัวปฏิเสธร่วมแก๊งยาพันล้าน-ฟอกเงิน อ้างค้าไม้รวย!

เมีย “ตี๋ บางขวาง” ควงทนายเดินทางเข้ามอบตัวกับ รรท.ผบช.ภ.1 ในคดีร่วมขบวนการค้ายาพันล้านและฟอกเงิน เจ้าตัวให้การปฏิเสธ อ้างเงินที่ ปปส.ยึด 30 ล้านมาจากการทำธุรกิจไม้แปรรูป และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องขบวนการค้ายา พร้อมนำโฉนดที่ดินมูลค่า 5 แสนบาท ขอประกันตัวออกไป
       วันนี้ (8 ก.พ.) เมื่อเวลา 11.30 น.ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 นางวาริการ์ แพศย์ศกล ภรรยานายพีรยุทธ์ หรือ ตี๋ บางขวาง แพศย์ศกล ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 134/2555 ลงวันที่ 31 มกราคม 2555 ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน ได้เดินทางมาพร้อมนายพัฒน์พงษ์ เตชสมิทธิ์ ทนายความ เพื่อเข้ามอบตัวกับพล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รรท.ผบช.ภ.1
       การเดินทางเข้ามอบตัวของนางวาริการ์ในครั้งนี้ สืบเนื่องจาก ตำรวจสืบทราบว่า นายพีรยุทธ์ หรือตี๋ บางขวาง สามีของนางวิริการ์ เป็นหนึ่งในเครือข่ายฟอกเงิน หนู-เฉิน ของ นายนิพนธ์ กันชาติ ผู้ต้องหาคดีค้ายาบ้ามูลค่ากว่าพันล้านบาท ที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ และผู้ต้องหาอีก 4 ราย ประกอบด้วย น.ส.สิรินรัตน์ ทองคำ น.ส.วลัยพรรณ เพ็ญพา น.ส.ชญารัศมิ์ หนองช้าง และ น.ส.พิมพ์ภัทรา ทวีอภิรดีทับทิม ซึ่งถูกจับกุม พร้อมของกลาง เงินสด 2,000,000 บาท สมุดบัญชีเงินฝาก และบัตรเอทีเอ็มกว่า 10 บัญชี ซึ่งมียอดเงินหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 1,000,000 บาทต่อบัญชี โดยทำหน้าที่เปิดบัญชี และรับจ้างเบิกโอนเงินสด มีผู้ร่วมขบวนการ 23 คน
       พล.ต.ต.คำรณวิทย์กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อปี 2552 กรมสอบสวนคดีพิเศษได้จับกุมนายพีรยุทธ์ แพศย์สกล หรือตี๋ บางขวาง และถูกยึดอายัดทรัพย์สินเป็นเงินสด จำนวน 24,420,000 บาท รถยนต์, ที่ดิน และทรัพย์สินอื่นๆ จำนวนกว่า 100 รายการ มูลค่า 5,273,649 บาท รวมทรัพย์สินที่ถูกยึดและอายัดทั้งสิ้น 29,693,649 บาท โดยเชื่อว่าเป็นทรัพย์สินของนายพีรยุทธ์ ซึ่งได้มาจากการจำหน่ายยาเสพติด
       จากการสอบสวน นางวาริการ์ ให้การรับสารภาพว่า ทรัพย์สินส่วนใหญ่ที่ถูกยึดอายัดเป็นของนายพีรยุทธ์ สามี ซึ่งนำมาฝากไว้กับตนเอง แต่ตนเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจ หรือการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดของสามีแต่อย่างใด โดยอ้างว่าเงินและทรัพย์สินที่ถูกเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและ ปราบปรามยาเสพติด หรือ ปปส.อายัดและยึดทั้งหมดในปี 2552 เกือบ 30 ล้านบาท มาจากการทำธุรกิจไม้แปรรูปที่ อ.แม่สอด จ.ตาก
       ด้านนายพัฒน์พงษ์ ทนายความ เปิดเผยว่า นางวาริการ์ ให้การปฏิเสธ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด และไม่เกี่ยวข้องกับเส้นทางการฟอกเงิน ซึ่งทางญาติจะนำโฉนดที่ดินมูลค่า 5 แสนบาท มาประกันตัวต่อไป
       พล.ต.ต.คำรณวิทย์ กล่าวอีกว่า นางวาริการ์ ได้ติดต่อขอมอบตัว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะให้ความเป็นธรรม และฝากไปถึงผู้ที่ยังไม่เข้ามอบตัวอีกหลายคน ที่เปิดบัญชีไว้เพื่อโอนเงินจากการค้ายาเสพติด ไม่ว่าจะรู้เห็นด้วยหรือไม่ ให้ติดต่อมอบตัว เพราะอาจจะมีอันตรายได้ ถ้าใครมามอบตัว ขอยืนยันว่าได้รับการประกันตัวแน่นอน

image

นางวาริการ์ แพศย์ศกล ภรรยานายพีรยุทธ์ หรือตี๋ บางขวาง แพศย์ศกล เดินทางมาพร้อมทนายความเพื่อเข้ามอบตัวกับ รรท. ผบช.ภ.1

image

นางวาริการ์ แพศย์ศกล ภรรยานายพีรยุทธ์ หรือตี๋ บางขวาง

จำคุก 9 ปี! ผู้เฒ่าหึงโหดยิงแฟนสาวปันใจให้ชายอื่นดับ

ศาลสั่งจำคุก 18 ปี ผู้เฒ่าหึงโหดคว้าลูกซองยิงเด็กเสิร์ฟสาวลาวดับ ฐานแอบมีกิ๊ก ทั้งที่ส่งเสียเลี้ยงดูกันมาตลอด รับสารภาพศาลปรานีเหลือติดคุก 9 ปี และให้จ่ายค่าชดเชยแม่คนตายอีกกว่า 6 แสนบาท
       วันนี้ (9 ก.พ.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ฟ้อง นายสุนทร หรือ ทร นามปัญญา อายุ 66 ปี อาชีพรับจ้าง ชาวจังหวัดขอนแก่น เป็นจำเลยในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, พ.ร.บ.อาวุธปืน
       คดีนี้โจทก์ฟ้องสรุปว่าเมื่อวันที่ 4 พ.ย.2553 เวลาประมาณ 02.30 น.จำเลยได้ใช้อาวุธปืนลูกซองยิง น.ส.โอใด หรือ อร อินทิสอน สัญชาติลาว อาชีพพนักงานเสิร์ฟ เข้าที่ชายโครงซ้าย 1 นัด จนถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา โดยเหตุเกิดบริเวณร้านอาหาร ต.โต้น เลขที่ 163 ซ.อินทามระ 47 ถ.ประชาอุทิศ แขวงและเขตดินแดง กทม.ก่อนขี่ จยย.หลบหนี แล้วถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สุทธิสาร ติดตามจับกุมตัวดำเนินคดี ซึ่งจำเลยให้การรับสารภาพว่า มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวและส่งเสียเลี้ยงดูผู้ตายตั้งแต่ปี 2551 แต่ภายหลังผู้ตายมีแฟนใหม่ และตีตัวออกห่างจึงมาพบเพื่อตกลงกันแต่ตกลงกันไม่ได้จึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ ตาย
       ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ฝ่ายโจทก์มีเจ้าของร้านอาหารเบิกความยืนยันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด เป็นลำดับขั้นตอน สมเหตุผล เป็นกลางไม่มีส่วนได้เสีย ทั้งไม่มีเหตุโกรธเคืองจำเลยมาก่อนเชื่อว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง
       พิพากษาลงโทษฐานฆ่าผู้อื่นฯ จำคุก 15 ปี ฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองฯ จำคุก 2 ปี และฐานพกพาอาวุธปืนฯ จำคุก 1 ปี รวมจำคุก 18 ปี จำเลยรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุกจำเลยไว้ 9 ปี และให้ชดใช้เงินจำนวน 621,615 บาท แก่มารดาผู้ตายด้วย

ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

พลิกโลกล่า ภาพศิลป์ที่หายไปของ “มายเฟืองถวี”

image
ชาวเน็ตจำนวนมากกำลังออกไล่ล่า “ภาพที่หายไป” จำนวน 2 ภาพของ มายเฟืองถวี (Mai Phương Thúy) หลังจากที่ได้มีการเปิดเผยเรื่องนี้ผ่านสื่อประชาคมออนไลน์ภาษาเวียดนาม ทั้งหมดเป็นภาพที่ถูกคัดออกจากภาพชุดที่กำลังอื้อฉาวในหมู่ประชาคมชาวเว็บใน ขณะนี้
       วันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา มีการนำเอาภาพของ “น้องเฟือง” ขึ้นเผยแพร่บนเว็บไซต์แห่งหนึ่ง จำนวน 8 ภาพ มิสเวียดนาม 2549 อยู่ในชุดประจำชาติสีขาวบางเบาในหลายอิริยาบถ ภายใต้ธีม “ความงามแห่งฤดูใบไม้ผลิ”
       ทั้งหมดผลงานของ ฟัมก๊วกฮวี (Phạm Quốc Huy) ช่างภาพแฟชั่นที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง ซึ่งไม่เคยเผยแพร่มาก่อน และไม่มีคำอธิบายว่าเพราะเหตุใดจู่ๆ ก็จึงแพร่ออกมาในช่วงนี้ ขณะที่ฤดูใบไม้ผลิในเวียดนามกำลังจะผ่านไป
       ในหลายภาพ น้องเฟือง อยู่ในอิริยาบถที่ยั่วยวน และ จงใจอวดส่วนโค้งส่วนเว้า ซึ่งทำให้สมาชิกประชาคมออนไลน์เป็นเดือดเป็นแค้น
       “เดือด” ก็เพราะว่าน้องเฟืองอยู่ในชุดอ๋าวหย่าย และ จงใจจะให้มองเห็นทะลุปรุโปร่งถึงข้างใน เป็นการทำลายภาพลักษณ์อันงดงามของชุดประจำชาติ ที่หญิงสาวชาวเวียดนามทั้งในและนอกประเทศ รักและหวงแหน
       “แค้น” ก็เพราะว่ามายเฟืองถวีนั้น เป็น “โรลโมเดล” หนึ่งในสังคม เป็นสาวงามที่ “งามอย่างมีคุณค่า” ที่สุดคนหนึ่งเท่าที่ปะเทศเคยมี และไม่กี่เดือนข้างหน้าก็จะเป็นบัณฑิตใหม่ของมหาวิทยาลัยการค้าต่างประเทศ กรุงฮานอย
       หลายปีมานี้เฟืองทำงานการกุศลช่วยเหลือสังคมมาสม่ำเสมอ เธอออกแรงระดมทุนเข้ามูลนิธิช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสได้นับล้านดอลลาร์ ลงทุนถ่ายภาพ “นู้ดเพื่อการกุศล” ก็ทำมาแล้ว ปัจจุบันยังเป็น “แม่อุปถัมภ์” และแม่พระของเด็กๆ หลายร้อยคน ตามสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าทั้งในฮานอยและนครโฮจิมินห์
       ก็สมแล้วที่แฟนๆ พันธุ์แท้จะต้อง “แค้น”
       ชาวเว็บจำนวนไม่น้อยได้ออกมาต่อต้านภาพชุด “ความงามแห่งฤดูใบไม้ผลิ” โดยชี้ว่าสาวสวยจงใจที่จะเปิดเผยส่วนโค้งส่วนเว้า ทำลายภาพพจน์อันดีงามของหญิงสาวในอ๋าวหย่าย จงใจจะเปิดเผยความเซ็กซี่แห่งเรือนร่าง ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีของน้องๆ เยาวชนที่ติดตามผลงานของเธอมาตลอด
       บางเสียงบอกว่า น้องเฟืองกำลังทำลายตัวเองด้วยรูปภาพที่ไม่ควรจะเผยแพร่ และไม่ควรจะถ่ายออกมา เสียด้วยซ้ำไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ
image
       แต่อีกฝั่งหนึ่ง กองเชียร์ก็เสียงดังไม่แพ้กัน บางคนบอกว่า น้องเฟืองในชุดอ๋าวหย่ายสีขาวบริสุทธิ์ ดูบอบบางและโปร่งใสราวแผ่นกระจก นี่คือ งานศิลปะชิ้นเยี่ยมที่ไม่ควรจะมองเป็นอย่างอื่น
       ฯลฯ
       เวียดนามเอ็กซ์เพรส ซึ่งเป็นสำนักข่าวภาษาเวียดนามยอดนิยมได้โทรศัพท์ถึงเจ้าตัว ถึงช่างภาพ รวมทั้งทีมงานในการถ่ายภาพชุดนี้เพื่อขอคำอธิบาย แต่ก็ไม่มีผู้ใดรับสาย
       จนกระทั่งในวันอังคาร 7 ก.พ.ที่ผ่านมา มายเฟืองถวี จึงมีอีเมลฉบับหนึ่งไปให้ข้อมูลคลายความสงสัย ทั้งยังขอโทษต่อผู้คนส่วนหนึ่งในสังคมที่ไม่เห็นด้วยกับภาพชุดที่แพร่ออกไป
       เธอกล่าวว่า ภาพชุดนี้ถ่ายตั้งแต่ 3-4 ปีที่แล้ว ซึ่งขณะนั้นอายุ 19 หรือ 20 ปี ส่วนหนึ่งของภาพชุดเดียวกันเผยแพร่ไปก่อนหน้านี้ และยังมีอีกจำนวนหนึ่งที่ยังไม่ได้เผยแพร่
       แต่ทั้งหมดนี้เธอได้ปฏิบัติตามข้อตกลงกับช่างภาพ สไตลิสต์ เมคอัพอาร์ทิสต์ อย่างเคร่งครัด เพื่อร่วมกันทำให้งานออกมาดีที่สุด และไม่ได้คิดว่าหลังจากเผยแพร่ออกไปจะเกิดมีปฏิกิริยาต่อต้านอย่างกว้างขวาง เช่นในขณะนี้
       “ในงานภาพถ่ายย่อมจะมีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย มีทั้งฝ่ายที่มองเป็นศิลปะกับฝ่ายที่มองเป็นลามกอนาจารหรือกระทั่งเป็นสิ่ง ที่เลวร้าย...” น้องเฟือง กล่าวในอีเมล์ที่ส่งถึงเวียดนามเอ็กซ์เพรส
       “หนูขออภัยต่อท่านทั้งหลายที่อาจจะรู้สึกไม่ดีต่อภาพชุดนี้ และขอโอกาสที่จะทำให้ดีขึ้น เพื่อจะได้รับใช้สังคมได้ดียิ่งๆ ขึ้นต่อไป” มิสเวียดนาม 2549 กล่าว
       ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ออนไลน์เหงื่อยดัวติน (Người Đưa Tin) ข่าวสารกฎหมายกับชีวิตประจำวัน ยังมีภาพในชุดเดียวกันนี้อีก 2 ภาพที่ทีมงานคัดออกไปไม่นำออกเผยแพร่ เนื่องจากเห็นว่า มีความล่อแหลมต่อความรู้สึกของผู้คนในสังคมส่วนหนึ่ง
       ข้อมูลบรรทัดนี้ได้ทำให้นักล่าหน้าจอทั้งหลายอยู่ไม่สุข ออกถามไถ่ตามหากันจ้าละหวั่น หลายคนเชื่อว่าภาพเหล่านี้ยังอยู่ที่ไหนสักแห่งในโลกไซเบอร์.
image
image
image
image
image
image

เหยื่อโดนตุ๋นซื้อไอโฟน จี้กองปราบฯตามจับสาวแสบเชิดเงิน 7 ล้าน!

สาวบริษัทประกันภัยถูกหลอกซื้อไอ โฟน-ไอแพด พร้อมผู้เสียหายเดินทางเข้าพบ ตร.กองปราบ เพื่อติดตามคดีแจ้งจับสาวแสบอ้างตัวมีเพาเวอร์ขายโทรศัพท์ยี่ห้อดังในราคา ถูก แต่ไม่ได้รับของตามใบสั่งซื้อ แถมเหยื่อ 27 รายหลงเชื่อ สูญเงินกว่า 7 ล้าน ยังคงลอยนวล ขณะที่ ตร.กองปราบฯ เร่งสอบปากคำผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ เพื่อติดตามสาวแสบมาดำเนินคดีต่อไป
       วันนี้ (6 ก.พ.) เมื่อเวลา 14.00 น.ที่ กองปราบปราม นางสุธิดา ตันติกุล อายุ 41 ปี ผู้จัดการบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่ง พร้อมผู้เสียหายรวม 4 ราย เข้าพบ พ.ต.ท.ณัทปกรณ์ ปัญญาดี พนักงานสอบสวน (สบ3) กก.1 บก.ป.เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีที่ถูก น.ส.ลฎาภา หรืออ้อย สุขสุเมฆ อายุ 28 ปี ฉ้อโกงกรณีหลอกขายโทรศัพท์ยี่ห้อดังแล้วเชิดเงินหนี
       นางสุธิดา กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ มีน้องที่ทำงานมาเล่าให้ฟังว่ารู้จักกับเพื่อนคนหนึ่งสามารถซื้อโทรศัพท์ยี่ ห้อไอโฟน และไอแพด ในราคาถูกกกว่าท้องตลาดได้ ซึ่งตนกำลังต้องการซื้ออยู่พอดี เขาจึงแนะนำให้รู้จัก น.ส.ลฎาภา โดย น.ส.ลฎาภา อ้างว่า มีญาติเป็นข้าราชการอยู่แผนกจัดซื้อจัดจ้าง สามารถสั่งซื้อโทรศัพท์มือถือยี่ห้อดังกล่าวได้ในราคาถูกกว่าท้องตลาดถึง 30-40 เปอร์เซ็นต์ จึงลองสั่งซื้อไปจำนวน 2 เครื่อง และได้รับตามที่กล่าวอ้างจริง จากนั้นจึงสั่งซื้ออีกหลายเครื่องจ่ายเงินไป 1,060,000 บาท แต่เมื่อโอนเงินไปให้แล้วกลับไม่ได้รับโทรศัพท์ตามที่สั่งซื้อ จากนั้นได้โทรศัพท์สอบถาม แต่เจ้าตัวอ้างว่าสินค้ายังมาไม่ถึงต้องรออีกสักระยะ ซึ่งเมื่อผ่านไปหลายวันตนเห็นผิดสังเกตจึงโทร.ไปถามอีกครั้งแต่ น.ส.ลฎาภา ได้ปิดโทรศัพท์หนีไป
       นางสุธิดา กล่าวต่อว่า จากนั้นจึงสอบถามน้องคนดังกล่าวที่แนะนำให้รู้จักกับ น.ส.ลฎาภา กระทั่งทราบมาว่าถูกหลอกลวงเช่นกัน สูญเงินไปเกือบล้านบาท จึงโทรศัพท์หาคนที่รู้จักกับ น.ส.ลฎาภา ทราบมาว่า มีเหยื่อหลงเชื่อ 27 ราย มูลค่าความเสียหายประมาณ 7 ล้านบาท ซึ่งจากการสอบถามผู้ที่ตกเป็นเหยื่อทราบว่าถูกหลอกลักษณะเดียวกัน โดยบางรายจะถูก น.ส.ลฎาภา หลอกว่า มีเพื่อนทำงานในบริษัท แอปเปิล สามารถซื้อโทรศัพท์ไอโฟน และไอแพดได้ในราคาพนักงานบริษัท ซึ่งได้สั่งซื้อ 1-2 เครื่อง โดยเมื่อได้รับสินค้าตามที่สั่งซื้อก็เริ่มไว้ใจ และสั่งซื้อหลายเครื่องกระทั่งถูกเชิดเงินหนีดังกล่าว จึงรวมตัวเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เมื่อวันที่ 17 ม.ค.ที่ผ่านมา
       ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนได้นัดให้ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของ น.ส.ลฎาภา มาเข้าให้ปากคำเพิ่มเติม ก่อนส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป

image

ผู้เสียหายเข้าติดตามคดีถูกสาวแสบหลอกขายไอแพด-ไอโฟนแล้วเชิดเงินล้าน

 

image

น.ส.ลฎาภา หรืออ้อย สุขสุเมฆ อายุ 28 ปี ที่ถูกแจ้งความดำเนินคดีฉ้อโกง

ที่มา ผู้จัดการอนไลน์